เมนู

ในสมัยนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในเทรนด์ของความงามมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับวิถีชีวิตและวิธี คิดที่เปลี่ยนไป ทําให้ผู้คนเปิดใจยอมรับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์กันมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันการเสริมความงามมีด้วยกันหลาย แบบ ทั้งการผ่าตัดเสริมความงาม เช่น การเสริมจมูก ทําตา 2 ชั้น เสริมหน้าอก ดึงหน้า การใช้เลเซอร์ การดูดไขมันหน้าท้อง- สะโพก-ต้นขา และการฉีดสารท็อกซิน เพื่อให้หน้าเรียว เต่งตึง การร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิว แก้ไขริ้วรอย ลดปัญหาใต้ตาหย่อน กระชับช่วงใต้คางและลําคอ แต่วิธีเสริมความงามที่แพร่หลายและได้รับความนิยมสุดๆ ในปัจจุบันนี ้ก็ต้องยกให้การใช้ “ฟิลเลอร์” (Filler) เพื่อปรับรูปแบบใบหน้าให้ดูเป๊ะมากขึ้น แต่การจะมีใบหน้าสวยได้รูปสมใจนั้น ต้องใส่ใจเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากอ.ย.และอยู่ภายใต้คําแนะนําและดําเนินการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะทําให้มั่นใจในผลลัพธ์และ ความปลอดภัย

เทรนด์การใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปใบหน้านั้น เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ตอนนี้กําลังนิยมกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโซนเอเชียหรือยุโรป เพราะสะดวก ใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลทันทีหลังจากทําเสร็จ โดยแพทย์จะใช้วิธีฉีดฟิลเลอร์บน บริเวณใบหน้าในตําแหน่งที่ต้องการปรับเปลี่ยน ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจํานวนตําแหน่งที่ต้องการ แก้ไข ซึ่งนี่ถือเป็นเสน่ห์ของฟิลเลอร์สําหรับสาวที่อยากสวยทันใจ ด้วยเหตุที่เจ็บน้อย ให้ผลไว ทําแล้วไม่ถูกใจก็สามารถแก้ไขได้ ง่ายกว่า การทําศัลยกรรมด้วยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คําแนะนําในแต่ละส่วนว่า ควรเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสมและคํานึงถึงความปลอดภัยของผู้รับการฉีดฟิลเลอร์แต่ละคนเป็นหลัก

 

สําหรับคนไทยบริเวณใบหน้าที่ฮิตทําฟิลเลอร์มากเป็นดันดับต้น ๆ คือ สันจมูก ลบรอยลึกใต้ตา หรือตีนกา ลบรอยลึก ช่วงร่องแก้ม คาง และบริเวณถุงใต้ตา ทั้งนี้ เมื่อฟิลเลอร์เข้าสู่จุดบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์จะช่วย เติมเต็มในจุดนั้น ๆ จากนั้นแพทย์จะทําการปรับรูปทรงสัดส่วนดังกล่าวให้สวยงามเหมาะสมกับใบหน้าตามที่ต้องการ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ แพทย์จะแนะนําให้ผู้ใช้บริการพักรอดูผลการทําประมาณ 15 นาที ก็สามารถกลับได้ ด้วยนวัตกรรมสมัยใหมนี้ทําให้การศัลยกรรมเสริมความงามนั้นง่าย สะดวก และรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

 

“สกินบูสเตอร์” คืออะไร “

สกินบูสเตอร์” คือ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้า โดยผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งประเทศไทย และสหรัฐอเมริกา รวมถึงผ่าน การรับรองจากกลุ่มประเทศในเครือสหภาพยุโรป ด้วยกระบวนการของนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ Non Animal Stabilize Hyaluronic Acid หรือ NASHA ที่ทําให้ได้เจลไฮยาลูโรนิคแอซิดซึ่งสมบัติใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดและมีความคงตัวจึง สามารถคงอยู่ในผิวให้ความชุ่มชื่นได้เป็นระยะเวลานาน พร้อมคุณสมบัติเด่นตรงที่แพทย์จะฉีดสกินบูสเตอร์ลงบนผิวหนัง โดยตรง และโมเลกุลสกินบูสเตอร์จะถูกเก็บไว้ในผิวชั้นหนังแท้และปล่อยความชุ่มชื่นอย่างต่อเนื่อง เปรียบเหมือนสร้างเขื่อนกัก เก็บน้ำไว้ใต้ผิวชั้นหนังแท้ที่จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นตลอดเวลาจากภายใน

 

สกินบูสเตอร์ทําหน้าที่อะไรบ้าง

สกินบูสเตอร์ (Skinboosters) ผลิตจากสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic acid หรือ HA) ที่ผ่านกรรมวิธีให้เกิด ความคงตัว เป็ นส่วนประกอบหลักในการปรับปรุงคุณภาพของผิว รวมถึงจะทําให้เกิดมีการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibrolast) ซึ่งเป็ นเซลล์ที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินโดยเมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการสูญเสียไปตามธรรมชาติ สกินบูสเตอร์จะกระตุ้นให้มีการสร้างเนื่อเยื่อคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ส่งผลให้ริ้วรอย รอยแผลสิว รูขุมขนขนาดใหญ่ รวมถึงผิวที่แห้งกร้าน เกิดการปรับคุณภาพผิวให้ดีขึ้นจากภายในหลังจากฉีดสกินบูสเตอร์ 2 – 3 วัน ผิวจะแลดูเปล่งปลั่ง กระชับ เนียนใส ลดความหยาบ กร้าน และการสูญเสียน้ำของผิว ทําให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นทําให้ผู้ที่มีผิวแห้งหรือต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจํา หรือ ผู้หญิงที่มีกําลังเผชิญกับปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงริ้วรอยแผลสิว มีคุณภาพผิวที่ดีและเปล่งปลั่งมากขึ้นจากภายใน

 

ฟิลเลอร์ กับ สกินบูสเตอร์ นั้นต่างกันอย่างไร

การใช้ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารช่วยเติมเต็มเข้าใต้ผิวหนังบริเวณจุดต่างๆ ของใบหน้าเพื่อเติมเต็มในบริเวณนั้น ๆ หรือ ปรับแต่งรูปทรงสัดส่วนของใบหน้าให้ได้รูปทรงที่สวยงามมากยิ่งขึ้น เช่น ปีกจมูก สันจมูก ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม โหนกแก้ม ปลายคาง ริ้วรอยบนหน้าผาก ส่วนสกินบูสเตอร์นั้นเป็นโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่เป็น Non animal stabilized hyaluronic acid ซึ่งมีขนาดของโมเลกุลที่เล็กมาก ออกแบบมาเฉพาะตัวให้มีความอุ้มน้ำในระดับที่พอดีอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้และคงความชุ่มชื้น ต่อเนื่องโดยไม่ทําให้ผิวบวมหรือเปลี่ยนแปลงรูปหน้าไป โดยผ่านการฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้กระจายทั่วใบหน้า เพื่อช่วยเสริมสร้าง การเก็บกักนํ ้าในผิว ทําให้ผิวบริเวณนั้นมีความชุ่มชื่น และดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์

สกินบูสเตอร์ (Skinboosters) ใช้กับบริเวณใดได้บ้าง

การฉีดสกินบูสเตอร์นั้นใช้ฉีดเข้าบริเวณใต้ผิวหนัง โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทําการฉีดสกินบูสเตอร์ลงไปบริเวณผิวที่ ต้องการรักษา ซึ่งเป็นได้ทั้งบริเวณใบหน้า ลําคอ หลังมือ และรวมถึงบริเวณเนินทรวงอก

ขั้นตอนการรักษา

  • หลังทําความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อย คนไข้จะต้องทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด ประมาณ 1 ชม
  • คนไข้จะต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยจะต้องรับการรักษา 1-2 ครั ้ง ห่างกันประมาณ 6 เดือน แล้วแต่ ความรุนแรงของภาวะผิวแห้ง หรือผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการ ซึ่งแพทย์จําเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมของปริมาณส กินบูสเตอร์ที่ใช้ และความถี่ของการรักษา
  • เมื่อทําเสร็จแล้ว ผิวหนังจะมีอาจจะมีรอยรูเล็กๆ ซึ่งเกิดจากรอยเข็ม ก็จะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม แล้วนัดมาดู อาการอีกครั้ง หลัง 2 สัปดาห์เพื่อติดตามผล
  • บริเวณที่ฉีด อาจมีการบวมแดง ชํ ้าเล็กน้อย ประมาณ 2-3 วัน ซึ่งอาการเหล่านี้ สามารถหายไปได้เอง และไม่มีอันตราย

ระยะเวลาในการเห็นผลการรักษา

คนไข้ส่วนใหญ่จะเห็นผลการรักษาทันทีหลังการรักษา ในกรณีที่ต้องการฉีดสกินบูสเตอร์เพื่อรักษารอยหลุมสิว หรือ ร่องน้ำตา ส่วนภาวะผิวแห้งขาดน้ำ แห้งกร้าน หรือหมองคล้ำ จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2-3 วัน และผลสามารถคงอยู่เป็น เวลาประมาณ 6 เดือน

สกินบูสเตอร์เหมาะกับคนไข้ประเภทใด

– คนไข้ที่ต้องการเติมเต็มร่องน้ำตา ร่องแก้ม หลุมสิว รูขุมขนกว้าง รอยย่นที่ลําคอ หลังมือ

– คนไข้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ หมองคล้ำ ไม่สดใส

เราสามารถนําฟิลเลอร์มาใช้แทนสกินบูสเตอร์ได้หรือไม่

เนื่องจากสกินบูสเตอร์ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีขนาดอนุภาคที่เหมาะสมกับชั้นผิวหนังแท้ และสามารถดูดน้ำในปริมาณที่ พอดีเพื่อทําหน้าที่เปรียบเสมือนเขื่อนกักเก็บน้ำและปล่อยความชุ่มชื่นออกสู่ชั ้นผิวตลอดเวลา รวมทั้งยังมีผลการศึกษาทดลอง ทางวิทยาศาสตร์มารองรับถึงผลลัพธ์ที่สามารถปรับปรุงคุณภาพของผิวหนังให้มีสุขภาพดี เพิ่มความหยืดหยุ่น และทําให้ผิวมี ความเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราจึงไม่สามารถนําฟิ ลเลอร์มาใช้ทดแทนสกินบูสเตอร์ได้

คําแนะนําจากแพทย์

การรักษาด้วยสกินบูสเตอร์ (Skinboosters) เป็นเทรนด์ความงามในยุคปัจจุบันที่ไม่น่ากลัว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามขอ แนะนําให้คนไข้ศึกษาหาข้อมูล รวมถึงเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฉีด เพื่อได้มีการพูดคุย หาสาเหตุและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานที่ออกแบบมาเฉพาะสําหรับการรักษาแบบนี้รวมถึง ได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากประเทศไทย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Skinboosters

Skinboosters  มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ทั้งรอยเหี่ยวย่น หรือ รอยแผลสิวให้กับผิวหน้าบริเวณ ดังต่อไปนี้

  1. หน้าผาก –ช่วยลดริ้วรอยที่เป็นเส้น ๆ และทําให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  2. บริเวณรอบดวงตา — ลดรอยคล้ำบริเวณใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตา
  3. บริเวณทั่วใบหน้า –ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และทําให้ผิวดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
  4. รอยหลุมสิว — ทําให้รอยหลุมสิวดูตื้นขึ้น เรียบเนียน
  5. บริเวณรอบริมฝีปาก – ลดเลือนรอยเล็ก ๆ บริเวณริมฝีปาก
  6. คอและบริเวณเนินอก – ลดเลือนริ้วรอย และทําให้ผิวหนังมีความเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น
  7. มือ – ลดเลือนริ้วรอย และทําให้ผิวหนังมีความเรียบเนียน มีความชุ่มชื่นและกระชับมากขึ้น ตามรูป

รูป 1 ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

รูป 2 เมื่อฉีด Skinboosters ลงในชั้นผิวหนัง

รูป 3 ผิวมีความชุ่มชื้น ดูมีสุขภาพดี

Skinboosters ได้รับการศึกษาทดลองว่าสามารถช่วยให้ผิวดูดีขึ้นโดย

– เพิ่มความหยืดหยุ่นของผิวให้ดีขึ น 1,3,4

– ลดความแห้งกร้านของผิว 1,4

– เพิ่มความกระชับและเรียบเนียนของผิว 4

– เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวเนื่องจาก Stabilized HA มีคุณสมบัติในการอุ้มนํ ้าได้ดี 3,4

– ลดการสูญเสียน้ำของชั้นผิว ทําให้คงความชุ่มชื่น 4

– คงความชุ่มชื่นไว้ได้ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับ HA ทั่วไปในท้องตลาด 2,3,5,6

สกินบูสเตอร์ มีรูปแบบใดบ้าง

สกินบูสเตอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ Restylane Vital light ซึ่งประกอบไปด้วย Hyaluronic acid 12 มิลลิกรัมต่อ 1 มิลลิลิตร ใน 1 กล่องมี 1 หลอด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ดูแลการรักษาและบอกถึงปริมาณที่ใช้ซึ่งขึ้นกับใบหน้าและความต้องการของคนไข้แต่ละคน