ฉีด PRP คืนผิวสวยสุขภาพดีอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยฟื้นฟูอย่างล้ำลึกถึงใต้ชั้นผิว ให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดีจากภายใน ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ
Toggleการฉีด PRP (Platelet Rich Plastma) คือการรักษาด้วยการใช้เกล็ดเลือดของตัวเราเองที่ผ่านกระบวนการต่างๆมากมาย ทำให้ได้โกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ที่เข้มข้นและมีคุณภาพ ซึ่งเมื่อฉีดลงบนหน้าใบหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรง ใบหน้าจะดูเปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น โดยเป็นอีกเทคโนโลที่เรียกได้ว่า เห็นผล ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด
การฉีด PRP ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก เช่น ข้อเข่าเสื่อม รักษากล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย เอ็นข้อเข่า เอ็นร้อยหวาย หรือฉีดลงบนศีรษะเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ไปจนถึงการฉีดลงบนใบหน้าเพื่อความสวยงาม ซึ่งเมื่อฉีด PRP ลงบนผิวหน้า จะให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้
– ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างผิวจากภายใน ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
– ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี
– ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ช่วยลดการอักเสบของผิว
– ช่วยรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็นเล็กๆ
– ช่วยรักษาฝ้า ช่วยรักษาสิว จุดด่างดำ รอยดำจากสิว
– ช่วยปรับผิวให้ละเอียด รูขุมขนดูกระชับขึ้น
– ช่วยปรับสมดุลการสร้างเม็ดสี ผิวจึงดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
– ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหลังทำเลเซอร์หรือทรีตเม้นต์ให้ดียิ่งขึ้น
ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย เพราะใช้เลือดของคนไข้เอง แรกเริ่มเดิมทีนั้นมีการนำ PRP (Platelet Rich Plasma) มาใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โรคเกี่ยวกับเอ็นกล้ามเนื้อ หรือเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ มานานแล้ว โดยสามารถรักษาและบรรเทาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ได้โดยไม่ผ่าตัด โดยการนำเลือดของคนไข้มาปั่นเพื่อแยกเกล็ดเลือดและพลาสมาออกมา ก่อนผ่านกระบวนการต่างๆ ก่อนฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่บาดเจ็บ ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์
ด้วยการรักษาที่ปลอดภัยและเห็นผล อีกทั้งยังไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น นักกีฬามืออาชีพหลายคนจึงเลือกที่จะใช้ PRP แม้แต่นักกอล์ฟชื่อดัง อย่าง Tiger Woods เอง ก็เลือกที่จะฉีด PRP เพื่อรักษาอาการเอ็นร้อยหวายอักเสบของเขาเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น การทำ PRP เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่านักกีฬาบาสชื่อดังจาก NBA อย่าง Kobe Bryant ซุปเปอร์สตาร์ NBA, DeMarcus Cousins NBA All-Star คนปัจจุบัน, MLB slugger Alex Rodriguez และกัปตันทีม Chelsea John Terry จะเห็นได้ว่าทุกคนเลือกฉีด PRP เพื่อช่วยในการรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการรักษาด้วย PRP จึงนิยมใช้กันทั่วโลก ขอบคุณข้อมูลจาก Regenervate Injection Therapy, Orthohealing Center
รูปภาพจาก : britannica.com/biography/Tiger-Woods
หลายคนยังมีความเข้าใจผิดคิดว่า PRP กับ Stem Cell คือตัวเดียวกัน ซึ่งจริงๆแล้วทั้งสองตัวนี้ต่างกัน ตั้งแต่การทำงานของเซลล์ จนไปถึงการได้มาของตัวเซลล์PRP คือการนำเกล็ดเลือดมาจากตัวคนไข้ ผ่านกระบวนการมากมาย จนได้มาซึ่งโกรทแฟคเตอร์ ฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ในขณะที่ตัวสเต็มเซลล์สามารถพัฒนาตัวเองไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างมากมาย มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์ใหม่เพื่อทดแทนเซลล์ในร่างกายที่เสื่อมสภาพ ตรงไหนพังหรือเสื่อมสภาพ เมื่อฉีดเข้าไปก็จะไปทำหน้าที่แทนในส่วนนั้น และเมื่อได้เซลล์มาแล้วก็จะนำมาเพาะเลี้ยงในห้องแลปที่ได้มาตราฐาน ดังนั้นการได้มาซึ่งสเต็มเซลล์จึงยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่า (ทำให้มีราคาที่สูงกว่ามาก) ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ MSCs คืออะไร? ทำไมถึงได้ชื่อว่า ‘น้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์’
– คนที่อายุเริ่มเยอะ ผิวเริ่มหยาบกระด้าง หย่อนคล้อย ดูไม่มีชีวิตชีวา เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง
– คนที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะการฉีด PRP จะใช้เกล็ดเลือดของตัวเองทำให้มีโอกาสแพ้น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย
– คนที่สังสรรค์บ่อย ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง
– คนที่ผิวหมองคล้ำ พักผ่อนน้อย ต้องการฟื้นฟูแบบเร่งด่วนและเห็นผล
– คนที่มีรอยแผลเป็น
– คนที่มีรอยสิว หลุมสิว ที่ไม่อยากทำเลเซอร์หรือฉีดฟิลเลอร์
– คนที่มีรูขุมขนกว้าง อยากให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับขึ้น
– คนที่อยากคงสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
ขึ้นอยู่กับว่าสภาพผิวเดิม รวมถึงปัญหาของคนไข้ โดยปกติแล้ว คนไข้จะรู้สึกผิวเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ 7 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนใน 3 เดือน ดังนั้นควรฉีด PRP อย่างสม่ำเสมอ
ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อรักษาประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
– ในการฉีด PRP นั้น หากเกล็ดเลือดที่ได้ผ่านกระบวนที่ไม่สะอาด หรือไม่ได้มาตรฐาน ก็อาจทำให้มีสารปนเปื้อนและก่อให้เกิดอาการแพ้
– หากคนไข้มีอายุที่ค่อนข้างมาก เกล็ดเลือดที่ได้ก็มีอายุมากตามไปด้วย ทำให้ประสิทธิภาพที่ได้ลดลง หรือฉีดไปแล้วไม่เห็นผลเท่าที่ควร
ดังนั้นการฉีด PRP ในคนที่มีเซลล์ผิวที่อายุเยอะ จึงมีข้อจำกัดพอสมควร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในเคสสูงอายุจะไม่สามารถฉีด PRP ได้ เพราะด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน กู๊ดวิลล์ คลินิก ได้นำนวัตกรรมที่เรียกว่า PRP Ready เข้ามาให้บริการแล้ว
PRP Ready คือการฉีด PRP ที่ผ่านการคัดทั้งอายุของเซลล์ ความสมบูรณ์ของเกล็ดเลือด รวมถึงคุณภาพของเซลล์ เพื่อให้โกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) ที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพที่สุด เป็นเกล็ดเลือดที่ผ่านกระบวนการคัดกรองอย่างดีจากสภากาชาติไทย มั่นใจได้ทั้งในเรื่องความบริสุทธิ์ รวมถึงความปลอดภัยในความเข้ากันได้ของเกล็ดเลือด ไม่ต้องเจ็บตัวในการเจาะเลือด หรือแม้แต่ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางอยู่ ก็สามารถฉีด PRP Ready ได้ นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ กู๊ดวิลล์ คลินิก ได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามา เพื่อเป็นทางเลือกให้คนไข้ที่มีอายุเซลล์มากแล้ว หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโลหิตของตัวเอง ได้สามารถฉีด PRP ที่มีความเข้มข้น ฉีดแล้วเห็นผลนั่นเอง
– ผ่านการคัดกรอง ผ่านระบบแลปที่ได้มาตรฐาน
– ผ่านกระบวนการคัดโกรทแฟคเตอร์คุณภาพดีที่สุด
– ได้รับมาตรฐานจากสภากาชาติไทย มั่นใจได้ถึงความสะอาด ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเลือด
– เห็นผลจริง ไม่ต้องกังวลว่าฉีดแล้วจะไม่เห็นผล
– ไม่ต้องเจ็บตัว ผู้ที่ภาวะโลหิตจาง หรือปัญหาเกี่ยวกับโลหิตก็สามารถฉีด PRP ได้*
**ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีดทุกครั้ง