ถุงใต้ตาคือการบวมของผิวหนังบริเวณใต้ตา จะมีลักษณะบวมปูดหรือเป็นถุงห้อยย้อย ซึ่งเกิดจากการสะสมของน้ำหรือไขมัน โดยปกติแล้วจะเป็นผลจากอายุที่เพิ่มขึ้น ความแข็งแรงของบริเวณกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงถุงใต้ตาก็ลดน้อยลง ส่งถุงใต้ตาเกิดการหย่อนคล้อยมากขึ้น หรือสาเหตุอื่นๆ เช่น ขาดการนอนหลับที่เพียงพอ ความเครียด หรือแม้แต่ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ก็ส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาได้เช่นกัน และแม้ถุงใต้ตาจะทำให้ดูเหนื่อยหรือดูมีอายุกว่าที่เป็นจริง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลเสียใดๆในด้านสุขภาพ แต่อาจส่งผลต่อความมั่นใจ และอาจมีอาการคันหรือไม่สบายร่วมด้วยในบางกรณี การดูแลรักษาสามารถทำได้ด้วยการนอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาทางการแพทย์ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ หรือการผ่าตัดถุงใต้ตา ในกรณีต้องการผลลัพธ์ที่ถาวร
ถุงใต้ตาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้กี่ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาแท้ มักเกิดจากกรรมพันธุ์ มีลักษณะปูดนูน หรือเป็นถุงใ้ตตาที่เด่นชัดเจน บางคนมีถุงใต้ตาชัดเจนมาตั้งแต่เด็กๆ และจะยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยจะเป็นถุงใต้ตาอยู่แบบนี้ถาวรตลอดชีวิต
ถุงใต้ตาเทียม มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำ เช่น การแพ้ การขยี้รุนแรงที่ตา การอดหลับอดนอนเป็นเวลานาน การร้องไห้หนักๆ หรือการบริโภคเกลือโซเดียมในปริมาณมาก ก็ล้วนส่งผลให้เกิดถุงใต้ตาได้
1. กรรมพันธุ์
2. อาการแพ้
3. การขยี้ตาที่รุนแรง
4. การร้องไห้หนักๆ
5. ความเครียด
6. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
7. การบริโภคเกลือโซเดียมในปริมาณที่มาก
การรักษาถุงใต้ตาด้วยตัวเองสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
การนอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างเพียงพอ 7-8 ชั่วโมงนั้น จะทำให้ร่างกายได้พักพักฟื้นอย่างเต็มที่ ทำให้ช่วยลดอาการบวมของถุงใต้ตา
การประคบเย็น: อีกหนึ่งวิธีที่ลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ดี โดยเฉพาะใครที่พึ่งร้องไห้หนักๆมา หรือใครที่ตื่นมาแล้วมีอาการบวมเป่งบริเวณถุงใต้ตา การประคบเย็นครั้งละ 5-10 นาที จะช่วยให้อาการบวมของถุงใต้ตาลดลงได้
ใช้ถุงชาหรือแตงกวา: เป็นเคล็ดลับความงามจากสมัยก่อน ที่ยังสามารถยังลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ดีเช่นกัน โดยการวางถุงชาหรือแตงกวาที่แช่เย็นไว้บนตา 10-15 นาที นอกจากจะช่วยลดบวมได้ดีแล้ว ยังใหัความรู้สึกสดชื่นอีกด้วย
การทามอยเจอไรเซอร์บริเวณใต้ดวงตา: การทามอยเจอไรเซอร์ที่บริเวณถุงใต้ตา หรือการใช้ครีมบริเวณใต้ตาเฉพาะ เป็นการให้ความชุ่มชื่นทั้งยังช่วยลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้ด้วย
หลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือมากเกินไป: การบริโภคเกลืออาจทำให้ร่างกาสะสมน้ำ และเกิดการคั่งของของเหลวบริเวณถุงใต้ตาได้
ใช้ลูกกลิ้งเย็นนวด: เช่น เครื่องนวดผิวหรือลูกกลิ้งเย็นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้
การปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้อาจช่วยลดอาการถุงใต้ตาได้ แต่ถ้าปัญหายังไม่ดีขึ้น ควรพิจารณาปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม
หากการรักษาถุงใต้ตาด้วยตัวเองในเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็สามารถพิจารณาปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมด้วยการรักษาถุงใต้ตาด้วยวิธีทางการแพทย์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ การรักษาด้วยการเติมเต็มฟิลเลอร์ และการผ่าตัดถุงใต้ตา
เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมอีกวิธีเช่นกัน โดยแพทย์จะใช้ฟิลเลอร์ในการเติมเต็มร่องบริเวณถุงใต้ตา ทำให้ใต้ดูเต็ม ดูอิ่มฟูมากขึ้น ทำให้การบวมของถุงใต้ตาดูดีขึ้นได้ ทั้งนี้ควรได้รับการประเมินเบื้องต้นจากแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา
การผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เป็นการผ่าตัดเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ตาออก โดยแผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณตาด้านล่าง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรก และจะเข้าที่ดีประมาณ 1 เดือนเป็นต้นไป สามารถอยู่ได้นานเมื่อเทียบกับวิธีอื่น สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่
รูปก่อนและหลัง ทำตาสองชั้น + เย็บกระชับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง + ผ่าตัดไขมันถุงใต้ตา ครบ 3 เดือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ตัดถุงใต้ตา vs ฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกอันไหนดี?
ทำไมต้องผ่าตัดถุงใต้ตา
โรค MG คืออะไร ต่างกับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงยังไง
รักษาโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ด้วยวิธี “ร้อยเอ็นเทียม”
ไขข้อสงสัย โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คืออะไร
ทำไมใครๆก็เป็น “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” ได้ง่ายจัง?
วิธีสังเกตอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงด้วยตัวเอง
มัดรวมรีวิวตา2ชั้น จากคนไข้ทุกแพลตฟอร์ม ของคุณหมอฮอลล์